ในยุคที่ทรัพยากรธรรมชาติกำลังหมดไป วิกฤตสภาพอากาศที่เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง เป็นสัญญาณว่าโลกสิ้นสุดยุคโลกร้อน (Global Warming) และเข้าสู่ยุคโลกเดือด (Global Boiling) การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความจำเป็นในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นเรื่องเร่งด่วนยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา ประเทศไทยในฐานะสมาชิกภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (United Nations Framework Convention on Climate Change หรือ UNFCCC) รัฐบาลไทยจึงได้จัดทำร่างแผนการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ ปี พ.ศ. 2564 – 2573 โดยมีเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทยภายหลังปี พ.ศ. 2563 ที่ร้อยละ 20 – 25 จากกรณีปกติ
ซีพี ออลล์ ผู้บริหารร้านเซเว่น อีเลฟเว่น และเซเว่น เดลิเวอรี่ เล็งเห็นถึงความสำคัญของปัญหาดังกล่าว ตามนโยบาย 7 Go Green เพื่อสิ่งแวดล้อม 24 ชั่วโมง พร้อมเดินหน้าผลักดันให้เกิดการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมผ่านนโยบาย “Green Living” ภายใต้โครงการ “ปลูกป่า ปลูกอนาคต” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวทั่วประเทศ โดยได้วางเป้าปลูกต้นไม้ 1 ล้านต้นภายในปี 2568 เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก พร้อมจับมือ กรุงเทพมหานคร จัดงานสัมมนา “เครือข่ายปลูกป่า ปลูกอนาคต” และส่งมอบกล้าไม้ 180,000 ต้น แก่ กว่า 200 ชุมชน
นายประสิทธิ์ ฉกาจธรรม รองกรรมการผู้จัดการ สายงานพัฒนาความยั่งยืน บมจ.ซีพี ออลล์ กล่าวว่า โครงการ “ปลูกป่า ปลูกอนาคต” มีจุดประสงค์เพื่อช่วยฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม เพิ่มพื้นที่สีเขียว สร้างสมดุลในระบบนิเวศ และสามารถช่วยลดก๊าซเรือนกระจกในประเทศไทย นอกจากนี้ยังช่วยส่งเสริมภูมิทัศน์ให้มีความร่มรื่น โดยมีแผนการบูรณาการ CP ALL Planting Model คือ สนับสนุนตั้งแต่ ต้นน้ำ (Upstream) – สนับสนุนโรงเรียน มหาวิทยาลัยและชุมชนทั่วประเทศ ทำหน้าที่เป็นศูนย์เพาะพันธุ์ อนุบาลกล้าไม้, กลางน้ำ (Midstream) – ส่งมอบกล้าไม้ให้แก่หน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน เพื่อดำเนินกิจกรรมการเพิ่มพื้นที่สีเขียว อาทิ ป่าล้อมวัด, โคก หนอง นา, ส่งเสริมพนักงานปลูกฯ และ ปลายน้ำ (Downstream) – จัดเก็บข้อมูลการปลูกต้นไม้เพื่อขอการรับรองผลการประเมินปริมาณการลดก๊าซเรือนกระจกในอนาคต โดยในปี 2565 ที่ผ่านมา ซีพี ออลล์สามารถลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สะสมไปได้มากกว่า 3,467 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
นอกจากนี้ เพื่อเป็นการสร้างการมีส่วนร่วมให้กับลูกค้าให้ได้รับประสบการณ์พิเศษและเป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์และรักษาสิ่งแวดล้อมที่สวยงามร่วมกัน เซเว่น อีเลฟเว่น จึงได้เชิญชวนลูกค้าทั่วประเทศปฎิเสธการรับถุงพลาสติก ช้อน ส้อม และหลอด โดยลูกค้าจะได้หยดน้ำเพื่อนำไปปลูกต้นไม้บน 7APP ผ่านชาเลนจ์ “แค่ไม่รับ =ปลูกต้นไม้” โดยปัจจุบันมีต้นไม้ที่เตรียมการนำไปปลูก จำนวนกว่า 700,000 ต้น ซึ่งเป็นต้นไม้ที่ร่วมกับกทม.จำนวนกว่า 100,000 ต้น ในครั้งนี้ นับเป็นหนึ่งในต้นไม้จากแคมเปญ “แค่ไม่รับ=ปลูกต้นไม้” โดยมีแผนที่จะนำต้นไม้ไปปลูกจริงในพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศจนครบ ภายในปี 2568
ด้าน นายพรพรหม ณ.ส.วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในนามตัวแทนของ รศ.ดร. ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า “โครงการ ปลูกป่า ปลูกอนาคต เป็นโครงการที่สามารถช่วยกทม.ได้เยอะ เนื่องจากทาง กทม. มีการส่งเสริมให้ชุมชน มีอาชีพ และสามารถสร้างรายได้ ให้กับตนเอง ผ่านการเพาะกล้าไม้ อีกทั้งยังถือเป็นโมเดลที่สามารถต่อยอดให้กับหลาย ๆ เขตในพื้นที่ กทม. อีกด้วย สอดคล้องกับโครงการ ธนาคารกล้าไม้ ซึ่งถ้ามีภาคเอกชน อย่าง ซีพี ออลล์ มอบกล้าไม้ให้กับเรา ตรงนี้จะสามารถนำไปเพาะต่อให้เกิดประโยชน์ ทั้งนี้ต้องขอบคุณทาง ซีพี ออลล์ มากครับ”
ภายในงานได้จัดพิธีส่งมอบกล้าไม้จากโครงการปลูกป่า ปลูกอนาคตที่ซีพี ออลล์ ได้สนับสนุน งบประมาณให้ชุมชนเพาะกล้าไม้ มาส่งมอบสู่โครงการปลูกต่างๆ ทั่วประเทศจำนวน 180,000 ต้น ในฤดูกาลปลูก ปี พ.ศ. 2566 เพื่อให้ชุมชนเครือข่ายนำกล้าไม้ไปปลูกเพื่อสร้างพื้นที่สีเขียวร่วมกัน เรียกได้ ว่าเป็น “ป่าไม้ จากชุมชน โดยชุมชน เพื่อชุมชน” นั่นเอง ซีพี ออลล์ พร้อมเดินหน้าโครงการ “ปลูกป่า ปลูกอนาคต” สู่เป้าหมาย 1 ล้านต้นให้ได้ภายในปี 2568 เพื่อสร้างความตระหนักรู้ถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไปพร้อมกับชุมชน และสังคม
“ปัจจุบัน พื้นที่สีเขียว น้อยลงไปทุกที ถ้าพื้นที่สีเขียวเพิ่มมากขึ้น จากการสนับสนุนของ ซีพี ออลล์ ถือเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ก่อให้เกิดความยั่งยืน ความมั่นคง ทางวัฏจักรในการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิต ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ หรือแม้แต่สัตว์ ดีใจอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเป็นป่าผืนหนึ่ง” พระครูปลัดวรเมศร์ สติสัมปันโน เจ้าอาวาสวัดป่าบวรสังฆาราม จ.สุรินทร์ ตัวแทนรับมอบกล้าไม้ในโครงการ “ปลูกป่า ปลูกอนาคต”